fbpx

ทรัมป์รีเทิร์น! นัก PR ต้องเตรียมตัวอย่างไร

คุณเคยสงสัยไหมว่าถ้าโดนัลด์ ทรัมป์กลับมาครองตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง วงการประชาสัมพันธ์ (PR) จะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง? ถ้าคุณเป็นนัก PR หรือทำงานในสายการสื่อสาร คุณไม่ควรพลาดบทความนี้! เราจะพาคุณไปสำรวจทุกมุมมอง ทุกความท้าทาย และทุกโอกาสที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้คุณพร้อมที่จะก้าวสู่อนาคตอย่างมั่นใจ

ทรัมป์

1. กระแสข่าวสารมาไวไปไวกว่าเดิม!

ทรัมป์ขึ้นชื่อเรื่องการสร้างกระแสและประเด็นร้อนแรง ไม่ว่าจะเป็นทางโซเชียลมีเดียหรือสื่อมวลชน เขาสามารถเปลี่ยนหัวข้อสนทนาได้เพียงข้ามคืน สำหรับนัก PR นั่นหมายความว่า คุณต้องพร้อมที่จะตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา การมีแผนรับมือกับสถานการณ์วิกฤติ (Crisis Management Plan) ที่ยืดหยุ่นและทันสมัยจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้

เตรียมรับมืออย่างไร:

  • ติดตามข่าวสารและเทรนด์ในเวลาจริง
  • สร้างทีมงานที่พร้อมทำงานตลอด 24 ชั่วโมง
  • ฝึกซ้อมการรับมือกับสถานการณ์วิกฤติเป็นประจำ

2. สังคมแบ่งขั้ว ความท้าทายในการสื่อสารที่เพิ่มขึ้น

เมื่อความคิดของคนในสังคมแตกแยกอย่างชัดเจน การส่งข้อความที่เข้าถึงและโดนใจทุกกลุ่มเป้าหมายจะยิ่งยากขึ้น นัก PR ต้องมีความเข้าใจลึกซึ้งในความต้องการและความคิดของแต่ละกลุ่ม และต้องระมัดระวังไม่ให้ข้อความขององค์กรสร้างความขัดแย้งหรือเข้าใจผิด

เตรียมรับมืออย่างไร:

  • ทำการวิจัยและวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายอย่างละเอียด
  • ใช้ภาษาที่เป็นกลางและสร้างสรรค์
  • หลีกเลี่ยงการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่ชัดเจน

3. เกมของสื่อมวลชนที่เปลี่ยนไป นัก PR ต้องปรับกลยุทธ์

ความสัมพันธ์ระหว่างทรัมป์กับสื่อมวลชนอาจเป็นเรื่องท้าทาย สื่อบางแห่งอาจถูกจำกัดหรือได้รับแรงกดดัน ทำให้นัก PR ต้องหาวิธีใหม่ๆ ในการเข้าถึงสื่อและนำเสนอข่าวสาร การสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับสื่อที่มีความน่าเชื่อถือและการใช้ช่องทางสื่อสารอื่นๆ เช่น บล็อกหรือพอดแคสต์ จะเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากขึ้น

เตรียมรับมืออย่างไร:

  • สร้างเครือข่ายกับสื่อมวลชนหลากหลายประเภท
  • ใช้ประโยชน์จากสื่อสังคมออนไลน์และช่องทางสื่อสารทางตรง
  • พัฒนาความสามารถในการสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและมีคุณค่า

4. กฎหมายและนโยบายใหม่ๆ ที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

การเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายและนโยบายภายใต้การบริหารของทรัมป์อาจส่งผลกระทบต่อวิธีการสื่อสารและการตลาด เช่น กฎหมายเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว การโฆษณาออนไลน์ หรือการควบคุมเนื้อหา นัก PR ต้องอัพเดทตัวเองอยู่เสมอและปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เปลี่ยนแปลง

เตรียมรับมืออย่างไร:

  • ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับกฎหมายและนโยบายใหม่ๆ
  • ทำงานร่วมกับทีมกฎหมายเพื่อประเมินความเสี่ยง
  • ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การสื่อสารให้สอดคล้องกับกฎหมาย

5. โซเชียลมีเดียจะร้อนแรงยิ่งขึ้น!

ทรัมป์เป็นที่รู้จักในการใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางหลักในการสื่อสาร การตอบสนองและการโต้ตอบบนแพลตฟอร์มเหล่านี้จะเร็วและเข้มข้นขึ้น นัก PR ต้องพร้อมสำหรับการสื่อสารแบบเรียลไทม์ การจัดการกับความคิดเห็นของผู้ใช้ และการควบคุมภาพลักษณ์ขององค์กรในโลกออนไลน์

เตรียมรับมืออย่างไร:

  • มีทีมงานที่เชี่ยวชาญในการจัดการโซเชียลมีเดีย
  • ใช้เครื่องมือในการติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลออนไลน์
  • สร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าและมีส่วนร่วมกับผู้ติดตาม

6. นโยบายชาตินิยม กระทบธุรกิจทั่วโลก

ถ้าทรัมป์นำเสนอนโยบายชาตินิยมและการปกป้องทางการค้าอีกครั้ง บริษัทที่มีการดำเนินงานระดับสากลอาจเผชิญกับความท้าทาย เช่น การเพิ่มภาษีศุลกากรหรือข้อจำกัดทางการค้า นัก PR ต้องวางแผนในการสื่อสารกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งในและต่างประเทศ และเตรียมพร้อมรับมือกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

เตรียมรับมืออย่างไร:

  • ทำการวิเคราะห์ความเสี่ยงทางธุรกิจและภาพลักษณ์
  • สื่อสารกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างโปร่งใสและตรงไปตรงมา
  • พัฒนากลยุทธ์ในการสร้างความสัมพันธ์กับชุมชนท้องถิ่น

7. ความคาดหวังในความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กรเพิ่มขึ้น

ในยุคที่สังคมต้องการเห็นองค์กรมีจุดยืนที่ชัดเจนในประเด็นทางสังคมและการเมือง นัก PR ต้องช่วยองค์กรในการกำหนดทิศทางและสื่อสารความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) อย่างมีประสิทธิภาพ การแสดงจุดยืนที่ชัดเจนและสอดคล้องกับค่านิยมขององค์กรจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความน่าเชื่อถือ

เตรียมรับมืออย่างไร:

  • ประเมินและกำหนดนโยบาย CSR ที่สอดคล้องกับค่านิยมองค์กร
  • สื่อสารกิจกรรมและโครงการ CSR อย่างต่อเนื่อง
  • มีความโปร่งใสในการรายงานผลลัพธ์และความก้าวหน้า

8. การเคลื่อนไหวทางสังคมและการประท้วงอาจเพิ่มขึ้น

การกลับมาของทรัมป์อาจกระตุ้นให้เกิดการเคลื่อนไหวทางสังคมและการประท้วงในประเด็นต่างๆ นัก PR ต้องมีแผนในการจัดการกับความคิดเห็นของสาธารณะ การสื่อสารในสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อน และการรักษาภาพลักษณ์ขององค์กรให้เป็นบวก

เตรียมรับมืออย่างไร:

  • มีแผนการสื่อสารในสถานการณ์วิกฤติที่ชัดเจน
  • ฝึกอบรมพนักงานในการสื่อสารกับสื่อและสาธารณะ
  • รักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

9. การสื่อสารภายในองค์กรสำคัญยิ่งกว่าที่เคย

ในช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอน การสื่อสารภายในองค์กรเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม การรักษาความเชื่อมั่นและแรงบันดาลใจของพนักงานจะช่วยให้องค์กรสามารถผ่านพ้นความท้าทายได้อย่างมีประสิทธิภาพ นัก PR ต้องทำงานร่วมกับทีมบริหารในการสื่อสารข้อมูล ข่าวสาร และทิศทางขององค์กรอย่างต่อเนื่อง

เตรียมรับมืออย่างไร:

  • ใช้ช่องทางการสื่อสารภายในที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพ
  • เปิดโอกาสให้พนักงานแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ
  • สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดกว้างและสนับสนุน

10. ความหลากหลายและความไวต่อวัฒนธรรมเป็นกุญแจสำคัญ

การสื่อสารที่เข้าใจและเคารพความแตกต่างทางวัฒนธรรมจะช่วยให้องค์กรยืนหยัดในทุกสถานการณ์ นัก PR ต้องมีความไวต่อประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลาย การรวมเข้าด้วยกัน และความเท่าเทียม การส่งเสริมความหลากหลายภายในองค์กรจะเป็นประโยชน์ทั้งในด้านภาพลักษณ์และประสิทธิภาพการทำงาน

เตรียมรับมืออย่างไร:

  • ฝึกอบรมพนักงานในเรื่องความหลากหลายและการรวมเข้าด้วยกัน
  • สร้างนโยบายที่สนับสนุนความเท่าเทียมและความหลากหลาย
  • สื่อสารความมุ่งมั่นขององค์กรในประเด็นเหล่านี้อย่างชัดเจน

ทรัมป์

ทรัมป์ส่งผลอย่างไรต่อประเทศไทย

การที่โดนัลด์ ทรัมป์กลับมาครองตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อวงการประชาสัมพันธ์ในระดับสากลเท่านั้น แต่ยังอาจมีผลต่อประเทศไทยในหลายด้าน ดังนี้:

1. ผลกระทบทางเศรษฐกิจและการค้า

นโยบายการค้าระหว่างประเทศที่เข้มงวดขึ้น

ทรัมป์เป็นที่รู้จักในการดำเนินนโยบายการค้าชาตินิยมและการปกป้องตลาดภายในประเทศ หากเขากลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง นโยบายเหล่านี้อาจถูกนำมาใช้ใหม่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยไปยังสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะในสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ และสิ่งทอ

ความผันผวนของตลาดการเงิน

การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในสหรัฐอเมริกาอาจทำให้ตลาดการเงินทั่วโลกมีความผันผวน นักลงทุนอาจมีความระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อการลงทุนต่างประเทศในประเทศไทย ทั้งในด้านตลาดหุ้น ค่าเงินบาท และการลงทุนโดยตรง

เตรียมรับมืออย่างไร:

  • ติดตามสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิด
  • ปรับกลยุทธ์การส่งออกและหาตลาดใหม่ๆ
  • เสริมสร้างความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจภายในประเทศ

2. ผลกระทบทางสังคมและการท่องเที่ยว

การเดินทางและการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ

หากนโยบายการเดินทางและการตรวจคนเข้าเมืองของทรัมป์เข้มงวดขึ้น อาจส่งผลต่อการท่องเที่ยวและการเดินทางระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้อาจกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวอเมริกันที่มาเยือนไทย และการเดินทางของคนไทยไปยังสหรัฐฯ

กระแสความคิดและความคิดเห็นของสังคม

การกลับมาของทรัมป์อาจกระตุ้นให้เกิดกระแสความคิดและความคิดเห็นที่แตกต่างในสังคมไทย โดยเฉพาะในเรื่องการเมืองระหว่างประเทศและนโยบายต่างๆ ซึ่งอาจส่งผลต่อการสื่อสารและการนำเสนอข่าวสารของสื่อมวลชนไทย

เตรียมรับมืออย่างไร:

  • พัฒนากลยุทธ์การตลาดที่เน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอื่นๆ
  • เสริมสร้างความสัมพันธ์กับนักท่องเที่ยวในประเทศ
  • สื่อสารอย่างระมัดระวังและเป็นกลางในประเด็นที่ละเอียดอ่อน

3. ผลกระทบทางการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

ความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐอเมริกา

นโยบายต่างประเทศของทรัมป์อาจมีการปรับเปลี่ยน ซึ่งอาจส่งผลต่อความร่วมมือในด้านการทหาร การศึกษา และเศรษฐกิจระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกา ความสัมพันธ์อาจเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ ที่ต้องการการทูตและการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ

บทบาทของจีนในภูมิภาค

ทรัมป์มีแนวโน้มที่จะดำเนินนโยบายที่เข้มงวดต่อจีน ซึ่งอาจทำให้ความตึงเครียดในภูมิภาคเอเชียเพิ่มขึ้น ประเทศไทยอาจต้องปรับตัวในการรักษาสมดุลระหว่างความสัมพันธ์กับทั้งสหรัฐอเมริกาและจีน

เตรียมรับมืออย่างไร:

  • เสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตกับทั้งสหรัฐฯ และจีน
  • วิเคราะห์สถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างต่อเนื่อง
  • พัฒนานโยบายที่ยืดหยุ่นและปรับตัวได้

4. ผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจ

ภาคเทคโนโลยีและนวัตกรรม

นโยบายของทรัมป์ที่มุ่งสนับสนุนการผลิตภายในประเทศสหรัฐอเมริกา อาจส่งผลต่อการลงทุนและการถ่ายทอดเทคโนโลยีมายังประเทศไทย ทำให้ภาคธุรกิจต้องหาช่องทางใหม่ในการพัฒนาและสร้างนวัตกรรม

การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI)

ความไม่แน่นอนทางการเมืองและนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกาอาจทำให้นักลงทุนสหรัฐฯ ชะลอการลงทุนในประเทศไทย ซึ่งอาจส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและการสร้างงาน

เตรียมรับมืออย่างไร:

  • ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาภายในประเทศ
  • หานักลงทุนจากประเทศอื่นๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง
  • สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุนและนวัตกรรม

5. ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและนโยบายพลังงาน

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ทรัมป์เคยถอนสหรัฐอเมริกาออกจากข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หากเกิดขึ้นอีกครั้ง อาจส่งผลกระทบต่อความพยายามระดับโลกในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เช่น น้ำท่วม ภัยแล้ง และระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น

นโยบายพลังงาน

นโยบายที่สนับสนุนพลังงานฟอสซิลของทรัมป์อาจทำให้ราคาน้ำมันและพลังงานในตลาดโลกเปลี่ยนแปลง ซึ่งอาจส่งผลต่อเศรษฐกิจและต้นทุนการผลิตในประเทศไทย รวมถึงการพัฒนาพลังงานทดแทนที่อาจถูกชะลอ

เตรียมรับมืออย่างไร:

  • สนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนและเทคโนโลยีสะอาด
  • ร่วมมือกับประเทศอื่นๆ ในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม
  • วางแผนรับมือกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

6. ผลกระทบต่อการศึกษาและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม

การศึกษาและการวิจัย

นโยบายการตรวจคนเข้าเมืองที่เข้มงวดขึ้นอาจส่งผลต่อการศึกษาต่อต่างประเทศของนักศึกษาไทยในสหรัฐอเมริกา รวมถึงความร่วมมือทางการวิจัยระหว่างสถาบันการศึกษาของสองประเทศ

การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม

การเปลี่ยนแปลงในนโยบายต่างประเทศอาจทำให้โครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและการทูตสาธารณะถูกลดทอน ซึ่งอาจส่งผลต่อความเข้าใจและความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ

เตรียมรับมืออย่างไร:

  • ขยายความร่วมมือทางการศึกษากับประเทศอื่นๆ
  • ส่งเสริมการศึกษาในประเทศและการวิจัยภายใน
  • สนับสนุนโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระดับภูมิภาค

การกลับมาของโดนัลด์ ทรัมป์ในตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาอาจมีผลกระทบต่อประเทศไทยในหลายด้าน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และสิ่งแวดล้อม นัก PR และผู้ประกอบการไทยควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมในการปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น การวางแผนและการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้องค์กรและประเทศสามารถรับมือกับความท้าทายและหาโอกาสใหม่ๆ ในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้

สุดท้ายนี้

การเปลี่ยนแปลงในเวทีโลกเป็นสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่การเตรียมตัวและการปรับตัวเป็นสิ่งที่เราทำได้ นัก PR และผู้นำองค์กรในประเทศไทยควรมองเห็นทั้งความท้าทายและโอกาสที่มาพร้อมกับการกลับมาของทรัมป์ เพื่อที่จะนำพาองค์กรและประเทศไปสู่ความสำเร็จในยุคอเมริกาใหม่อีกครั้งหนึ่ง


ทรัมป์

ข้อมูลโดยสรุปนโยบายหาเสียงของทรัมป์

โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ประกาศนโยบายหาเสียงสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2024 โดยเน้นประเด็นสำคัญดังนี้:

1. เศรษฐกิจและภาษี:

  • ทรัมป์ให้คำมั่นว่าจะยุติภาวะเงินเฟ้อและลดอัตราดอกเบี้ย แม้ว่าการควบคุมอัตราดอกเบี้ยจะไม่ใช่อำนาจของประธานาธิบดีก็ตาม
  • เขาเสนอให้ลดอัตราภาษีนิติบุคคลจาก 21% เป็น 15% สำหรับบริษัทที่ผลิตสินค้าในสหรัฐฯ
  • นอกจากนี้ ยังมีแผนยกเลิกการลดหย่อนภาษีบางรายการที่สนับสนุนพลังงานหมุนเวียนและรถยนต์ไฟฟ้า

2. การค้าและภาษีศุลกากร:

  • ทรัมป์เสนอให้เพิ่มภาษีศุลกากรสำหรับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะสินค้าจากจีน ซึ่งอาจสูงถึง 100%
  • เขามองว่าภาษีเหล่านี้จะช่วยลดการขาดดุลและสนับสนุนงบประมาณสำหรับการลดหย่อนภาษีอื่นๆ

3. นโยบายคนเข้าเมือง:

  • ทรัมป์ประกาศว่าจะดำเนินการเนรเทศผู้อพยพครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ
  • เขามีแนวคิดยุติสิทธิพลเมืองโดยกำเนิดของบุคคลที่เกิดในสหรัฐฯ ซึ่งพ่อแม่อยู่ในประเทศอย่างผิดกฎหมาย
  • นอกจากนี้ ยังเสนอให้ขยายมาตรการห้ามการเดินทางเข้าสหรัฐฯ สำหรับพลเมืองจากบางประเทศ

4. นโยบายต่างประเทศ:

  • ทรัมป์ต้องการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในอัตราสูง และห้ามจีนไม่ให้เป็นเจ้าของโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในสหรัฐฯ
  • เขายังวิพากษ์วิจารณ์การช่วยเหลือยูเครนของรัฐบาลปัจจุบัน และเสนอให้รัสเซียและยูเครนเจรจาเพื่อยุติสงคราม

5. นโยบายพลังงานและสภาพภูมิอากาศ:

  • ทรัมป์สนับสนุนการใช้พลังงานฟอสซิล และเคยถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  • เขามองว่าการสนับสนุนพลังงานฟอสซิลจะช่วยลดต้นทุนพลังงานและสร้างงานในสหรัฐฯ

นโยบายเหล่านี้สะท้อนถึงแนวทางของทรัมป์ที่มุ่งเน้นการปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐฯ และการลดการพึ่งพาต่างประเทศ

เรียบเรียงโดย

sarawut burapapat

สราวุธ บูรพาพัธ

สราวุ​ธ เป็นที่ปรึกษาด้านการสื่อสารให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนหลายแห่ง มีประสบการณ์ด้านการสื่อสารในธุรกิจพลังงาน สินค้าอุปโภคบริโภค ธุรกิจความงาม ธุรกิจบริการ และศูนย์การเรียนรู้ ทั้งในระดับประเทศและนานาชาติกว่า 20 ปี มีความเชี่ยวชาญในการวางแผนการสื่อสารแบบองค์รวม เพื่อสนับสนุนแผนการตลาดหรือสร้างภาพลักษณ์ให้แก่องค์กร รวมทั้ง บริหารจัดการสื่อสารภาวะวิกฤต

จบการศึกษาระดับปริญญาโท และปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *