ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก การลงทุนในทองคำยังคงเป็นแหล่งพักพิงที่มั่นคงสำหรับนักลงทุนทั่วโลก รายงานล่าสุดจาก สภาทองคำโลก (World Gold Council – WGC) เปิดเผยว่า ความต้องการทองคำทั่วโลกในปี 2567 ได้ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4,974 ตัน โดยมีมูลค่ารวมกว่า 3.82 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
สิ่งที่น่าจับตามองคือ ประเทศไทย ซึ่งสามารถก้าวขึ้นมาเป็นประเทศที่มีความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองคำสูงเป็นอันดับ 7 ของโลก ด้วยปริมาณ 39.8 ตัน เพิ่มขึ้นถึง 17% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของตลาดทองคำไทย แม้จะเผชิญกับความท้าทายจากราคาทองคำที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ภาพรวมความต้องการทองคำทั่วโลกในปี 2567
ปี 2567 นับเป็นปีที่ “ทองคำ” สร้างสถิติใหม่หลายด้าน ความต้องการทองคำทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายนอกตลาดหลักทรัพย์ (OTC) หรือการลงทุนของธนาคารกลาง
- ธนาคารกลาง: ยังคงเป็นผู้เล่นหลักในการผลักดันตลาดทองคำ ด้วยการซื้อทองคำรวมกว่า 1,045 ตัน เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่สาม
- การลงทุนใน ETF: การลงทุนในกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน (ETF) ทองคำฟื้นตัวอย่างโดดเด่นในช่วงครึ่งหลังของปี เพิ่มขึ้น 19 ตันในไตรมาสที่ 4
- ทองคำเครื่องประดับ: ความต้องการทองคำเครื่องประดับทั่วโลกปรับตัวลดลง 11% เหลือเพียง 1,877 ตัน เนื่องจากราคาทองคำที่สูงเป็นประวัติการณ์
ประเทศไทย: ตลาดทองคำที่แข็งแกร่งในภูมิภาคอาเซียน

ประเทศไทย ได้แสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญในตลาดทองคำโลก ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจภายในประเทศ การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และความนิยมในการลงทุนในทองคำแท่งและเหรียญทองคำ
ทองคำเครื่องประดับ: แม้ราคาทองคำจะแพงขึ้น แต่ความต้องการในไทยลดลงเพียง 2% ซึ่งน้อยกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ลดลงถึง 11%
ความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองคำ: เพิ่มขึ้น 20% ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 คิดเป็น 14.6 ตัน รวมทั้งปีอยู่ที่ 39.8 ตัน
คุณเซาไก ฟาน หัวหน้าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของสภาทองคำโลก กล่าวว่า
“ประเทศไทยมีความแข็งแกร่งกว่าตลาดอื่น ๆ ในภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากเศรษฐกิจที่ได้รับแรงหนุนจากการท่องเที่ยว และความเชื่อมั่นในทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย”
ปัจจัยขับเคลื่อนความต้องการทองคำในไทย
- เศรษฐกิจในประเทศ: การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในการลงทุนมากขึ้น
- แพลตฟอร์มการออมทองคำดิจิทัล: การเติบโตของแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับการออมทองคำ ช่วยให้การเข้าถึงการลงทุนในทองคำง่ายขึ้น
- บทบาทของทองคำในฐานะสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์: นักลงทุนไทยมองว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจและตลาดหุ้น
มุมมองระดับโลก: การลงทุนที่ได้รับแรงหนุนจากความไม่แน่นอน
รายงานของสภาทองคำโลกระบุว่า ความต้องการทองคำในระดับโลกได้รับแรงขับเคลื่อนจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น:
- ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ: ความผันผวนทางเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
- การปรับลดอัตราดอกเบี้ย: การที่ธนาคารกลางหลายแห่งเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนในทองคำมากขึ้น
- การลงทุนของธนาคารกลาง: การซื้อทองคำของธนาคารกลางในระดับสูงกว่า 1,000 ตันต่อปี เป็นตัวบ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นในทองคำ
อนาคตของตลาดทองคำ: แนวโน้มปี 2568
คุณหลุยส์ สตรีท นักวิเคราะห์อาวุโสของสภาทองคำโลก กล่าวว่า
“ในปี 2568 ธนาคารกลางจะยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันตลาดทองคำ สนับสนุนด้วยการลงทุนในกองทุน ETF โดยเฉพาะหากอัตราดอกเบี้ยยังคงผันผวน”
แม้ว่าความต้องการทองคำเครื่องประดับอาจชะลอตัวต่อไป แต่ทองคำในฐานะสินทรัพย์เพื่อการลงทุนจะยังคงเป็นที่ต้องการสูง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกเผชิญกับความไม่แน่นอน
บทสรุป: ทองคำกับบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจโลก
การเพิ่มขึ้นของความต้องการทองคำในปี 2567 สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของทองคำในฐานะ “สินทรัพย์ปลอดภัย” ในยามที่เศรษฐกิจโลกเผชิญกับความไม่แน่นอน ประเทศไทยในฐานะหนึ่งในตลาดทองคำที่แข็งแกร่งของโลก ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการรักษาเสถียรภาพของตลาดภายในประเทศ ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก
FAQs: ทองคำไทยพุ่ง! ประเทศไทยขึ้นแท่นอันดับ 7 ของโลกในปี 2567 เพราะอะไรถึงเติบโตสวนกระแสโลก?
Q1: ประเทศไทยมีความต้องการทองคำในปี 2567 มากแค่ไหน?
A1: ประเทศไทยมีความต้องการทองคำแท่งและเหรียญทองคำรวม 39.8 ตัน ในปี 2567 เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ทำให้ติดอันดับ 7 ของโลก ในแง่ของปริมาณความต้องการทองคำ
Q2: ปัจจัยอะไรที่ทำให้ความต้องการทองคำของไทยเติบโตสวนกระแสโลก?
A2: ปัจจัยสำคัญได้แก่ การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว, ความเชื่อมั่นในทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย, และการเติบโตของ แพลตฟอร์มออมทองคำดิจิทัล ซึ่งช่วยให้ประชาชนเข้าถึงการลงทุนทองคำได้ง่ายขึ้น
Q3: การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวมีผลต่อความต้องการทองคำอย่างไร?
A3: การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ทำให้ผู้คนมีรายได้และกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ซึ่งนำไปสู่การลงทุนในสินทรัพย์ที่มั่นคงอย่างทองคำ
Q4: ความแตกต่างระหว่างความต้องการทองคำในไทยกับประเทศอื่นคืออะไร?
A4: ในขณะที่หลายประเทศ เช่น จีน มีความต้องการทองคำลดลงถึง 24% แต่ไทยกลับมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยความต้องการทองคำเครื่องประดับในไทยลดลงเพียง 2% เท่านั้น แม้จะเผชิญกับราคาทองคำที่สูงขึ้น
Q5: การลงทุนในทองคำแท่งและเหรียญทองคำในไทยมีแนวโน้มอย่างไร?
A5: แนวโน้มการลงทุนในทองคำแท่งและเหรียญทองคำในไทยยังคงแข็งแกร่ง โดยในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 มีการเติบโตถึง 20% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566
Q6: การออมทองคำในรูปแบบดิจิทัลมีผลอย่างไรต่อความต้องการทองคำ?
A6: การออมทองคำแบบดิจิทัลช่วยให้การลงทุนในทองคำสะดวกขึ้น ทำให้คนรุ่นใหม่สนใจลงทุนทองคำมากขึ้น และเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันความต้องการในประเทศไทยให้เติบโต
Q7: ราคาทองคำที่สูงขึ้นส่งผลต่อความต้องการทองคำอย่างไร?
A7: แม้ราคาทองคำจะสูงขึ้น แต่ในไทยความต้องการทองคำยังคงแข็งแกร่ง เนื่องจากนักลงทุนมองว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเศรษฐกิจที่ผันผวน
Q8: ธนาคารกลางมีบทบาทอย่างไรต่อความต้องการทองคำในระดับโลก?
A8: ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 มีการซื้อทองคำรวมกว่า 1,045 ตัน ซึ่งช่วยสนับสนุนความต้องการทองคำทั่วโลก
Q9: การลงทุนในทองคำมีความเสี่ยงหรือไม่?
A9: การลงทุนในทองคำมีความเสี่ยงเช่นเดียวกับการลงทุนอื่น ๆ โดยเฉพาะการผันผวนของราคาในตลาดโลก อย่างไรก็ตาม ทองคำยังถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่มั่นคงในระยะยาว
Q10: แนวโน้มของตลาดทองคำในปี 2568 จะเป็นอย่างไร?
A10: ตลาดทองคำในปี 2568 คาดว่าจะยังคงได้รับแรงหนุนจาก ธนาคารกลาง และ นักลงทุนในกองทุน ETF โดยเฉพาะหากอัตราดอกเบี้ยมีการปรับลดลง รวมถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลกที่ยังคงส่งผลต่อความต้องการทองคำ