Open for Business ได้เผยแพร่ผลวิจัยที่น่าสนใจที่บอกเราว่า การเลือกปฏิบัติต่อชุมชน LGBTQ+ ในประเทศไทยมี “ราคาที่ต้องจ่าย” ทางเศรษฐกิจที่สูงมาก ตัวเลขนี้อยู่ระหว่าง 51,800 ล้านถึง 121,800 ล้านบาทต่อปี ซึ่งหมายความว่าประเทศไทยกำลังสูญเสียเงินจำนวนมากจากปัญหาความไม่เท่าเทียมนี้
ผลวิจัยชี้ว่า การเลือกปฏิบัติทำให้เกิดช่องว่างทางสุขภาพและค่าจ้างที่เพิ่มมากขึ้นในกลุ่ม LGBTQ+ โดยในประเทศไทยมีถึง 11% ของชุมชนนี้ที่เผชิญกับภาวะซึมเศร้าในระดับปานกลางถึงรุนแรง ซึ่งส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจปีละประมาณ 5,000 ถึง 14,900 ล้านบาท นอกจากนี้ ความสูญเสียทางด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับโรคเอชไอวีและโรคเอดส์ยังอยู่ที่ประมาณ 24,400 ถึง 73,200 ล้านบาท การสร้างสังคมที่ยอมรับและสนับสนุนความหลากหลายทางเพศจึงมีความสำคัญต่อการพัฒนาทั้งด้านเศรษฐกิจและสุขภาพของประเทศไทยอย่างแท้จริง
ประเทศไทยแม้จะเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีกฎหมายป้องกันการเลือกปฏิบัติต่อ LGBTQ+ ในที่ทำงาน แต่ยังคงมีปัญหาเรื่องค่าจ้าง ซึ่งการวิจัยนี้ระบุว่าค่าจ้างมีความแตกต่างกันระหว่าง LGBTQ+ และกลุ่มที่มีเพศสภาพตรงตามเพศกำเนิด คิดเป็นความสูญเสียทางเศรษฐกิจอยู่ที่ประมาณ 22,500 ถึง 33,700 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนามอย่างมาก
อีกมุมมองหนึ่งที่น่าสนใจคือ การยอมรับ LGBTQ+ ส่งผลดีต่อประเทศที่เป็นมิตรกับ LGBTQ+ เพราะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น การท่องเที่ยวในกลุ่ม LGBTQ+ สร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศอย่างไทย ซึ่งการท่องเที่ยวเป็นแหล่งรายได้สำคัญ ปี 2565 อุตสาหกรรมนี้มีมูลค่าสูงถึง 1.3 ล้านล้านบาท การสนับสนุนชุมชนนี้ไม่เพียงแค่เสริมสร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจไทย แต่ยังช่วยทำให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักในฐานะจุดหมายปลายทางที่เปิดกว้างและหลากหลายมากขึ้นอีกด้วย
งานวิจัยนี้ยังชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการพัฒนา “เศรษฐกิจสีรุ้ง” (Rainbow Economy) ซึ่งหมายถึงการสร้างเศรษฐกิจที่ยุติธรรมและเท่าเทียม การสนับสนุนชุมชน LGBTQ+ ไม่ใช่แค่เรื่องสิทธิและเสรีภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งเสริมให้มีการเข้าถึงศักยภาพของคนหลากหลาย มีความคิดสร้างสรรค์และช่วยขับเคลื่อนสังคมไปข้างหน้า
ประเทศไทยเป็นผู้นำในภูมิภาคนี้ในการผ่านกฎหมายสมรสเท่าเทียม ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการช่วยลดปัญหาการเลือกปฏิบัติทางเพศ กฎหมายนี้จะไม่เพียงแต่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่ม LGBTQ+ แต่ยังเสริมสร้างเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ของประเทศไทยในเวทีโลก โดยการส่งเสริมให้กรุงเทพมหานครเป็นที่ยอมรับในการจัดงานระดับโลก เช่น WorldPride นอกจากนี้การยอมรับความหลากหลายยังส่งผลให้เกิดความร่วมมือจากภาคส่วนต่าง ๆ เช่น ภาคประชาสังคม ภาคธุรกิจ และภาครัฐ ที่ต่างก็พร้อมที่จะร่วมมือกันสร้างอนาคตที่ดีกว่า
ผลวิจัยนี้ทำให้เราเห็นว่า ความไม่เท่าเทียมทางเพศเป็นเรื่องที่ประเทศไทยยังคงต้องเผชิญ และผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่เป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความเสียหายที่มีต่อศักยภาพทางสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งการแก้ไขปัญหานี้คือโอกาสที่เราทุกคนจะได้มีส่วนร่วมในการสร้างสังคมที่ดีขึ้น
ข้อมูลโดยสรุป
ผลวิจัยนี้จัดทำโดย องค์กร Open for Business ร่วมกับ Transtalents Consulting Group และ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการเลือกปฏิบัติต่อกลุ่ม LGBTQ+ ในประเทศไทย โดยใช้วิธีการ ทบทวนวรรณกรรมทางเศรษฐกิจ และ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงสถิติ รวมถึง การสำรวจ จากองค์กรต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ สัมภาษณ์ผู้นำธุรกิจ เพื่อตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างการยอมรับ LGBTQ+ กับผลกระทบทางเศรษฐกิจในระดับประเทศ
อ่านฉบับเต็ม กรณีศึกษาการมีส่วนร่วมเชิงเศรษฐกิจของผู้มีความหลากหลายทางเพศในประเทศไทย ได้ที่นี่: www.open-for-business.org/southeastasia
เรียบเรียงโดย
สราวุธ บูรพาพัธ
สราวุธ เป็นที่ปรึกษาด้านการสื่อสารให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนหลายแห่ง มีประสบการณ์ด้านการสื่อสารในธุรกิจพลังงาน สินค้าอุปโภคบริโภค ธุรกิจความงาม ธุรกิจบริการ และศูนย์การเรียนรู้ ทั้งในระดับประเทศและนานาชาติกว่า 20 ปี มีความเชี่ยวชาญในการวางแผนการสื่อสารแบบองค์รวม เพื่อสนับสนุนแผนการตลาดหรือสร้างภาพลักษณ์ให้แก่องค์กร รวมทั้ง บริหารจัดการสื่อสารภาวะวิกฤต
จบการศึกษาระดับปริญญาโท และปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย