fbpx

60% ของผู้หญิง ‘เสร็จทิพย์’ – Durex เปิดโปงปัญหาที่ผู้ชายต้องรู้!

ในยุคที่การพูดคุยเรื่องเพศเริ่มเปิดกว้างมากขึ้น แต่ “ความฟิน” ในห้องนอนยังคงเป็นหัวข้อที่ถูกพูดถึงอย่างจำกัด โดยเฉพาะในมุมมองของผู้หญิง ล่าสุด Durex แบรนด์ถุงยางอนามัยชั้นนำ ได้ปล่อยแคมเปญ “ALLgasm #เรื่องฟินต้องอินสองฝ่าย” ที่เปิดเผยข้อมูลเชิงสถิติซึ่งอาจทำให้หลายคนต้องตกตะลึง

สถิติจากแคมเปญนี้ชี้ให้เห็นว่า 60% ของผู้หญิงเคยมี “จุดสุดยอดทิพย์” หรือไม่ได้รู้สึกถึงความสุขสูงสุดจริงๆ ขณะที่ 51% ของผู้หญิงต้อง “เสแสร้ง” ว่าฟิน เพราะฝ่ายชายไม่สามารถกระตุ้นอารมณ์ได้ดีพอ ข้อมูลนี้กำลังสะท้อนอะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเพศในปัจจุบัน? และแคมเปญนี้กำลังผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรในสังคมไทย?

durex

แคมเปญ ALLgasm: การตลาดหรือการเปลี่ยนแปลงทางสังคม?

การตลาดของ Durex ครั้งนี้ไม่ใช่แค่เพียงโฆษณาสินค้า แต่เป็นการ “เปิดโปง” ความจริงที่ถูกซ่อนไว้ในห้องนอนของหลายคู่รัก ด้วยวิธีการสื่อสารที่แหวกแนว เช่น การใช้โปสเตอร์ที่กระตุ้นความสนใจ ติดตามพื้นที่สาธารณะ และ การเผยแพร่ข้อมูลผ่านโซเชียลมีเดีย

กลยุทธ์นี้เรียกได้ว่าเป็น “Shock Advertising” หรือ โฆษณาที่สร้างแรงกระเพื่อม เพื่อกระตุ้นให้เกิดบทสนทนาในสังคม ซึ่งแตกต่างจากแนวทางการตลาดแบบเดิมๆ ของแบรนด์สินค้าเกี่ยวกับเพศที่มักเน้นเฉพาะประโยชน์ของผลิตภัณฑ์

ปัญหาที่ถูกซ่อนไว้: ทำไมผู้หญิงถึงต้องเสแสร้ง?

หนึ่งในสถิติที่โดดเด่นของแคมเปญนี้ คือ “54% ของผู้หญิงเผยว่า หล่อเหลาไม่ฟินเท่าหล่อเล้า” ซึ่งหมายความว่า รูปลักษณ์ภายนอกไม่สำคัญเท่ากับทักษะและความใส่ใจของคู่รัก นี่เป็นข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนว่า การให้ความสำคัญกับ “Pleasure Equality” หรือ ความเสมอภาคทางเพศสัมพันธ์ ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องได้รับการแก้ไข

ในทางจิตวิทยา เหตุผลที่ผู้หญิงหลายคนเลือกเสแสร้งความสุขทางเพศ อาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น

1. ความคาดหวังทางสังคม – วัฒนธรรมบางอย่างยังคงทำให้ผู้หญิงรู้สึกว่า การพูดถึงความต้องการทางเพศเป็นเรื่องต้องห้าม

2. ความกดดันจากคู่รัก – ผู้หญิงหลายคนไม่ต้องการทำให้ฝ่ายชายเสียความมั่นใจ

3. ขาดการสื่อสารในความสัมพันธ์ – คู่รักหลายคู่ไม่เคยพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับความต้องการของตัวเอง

durex

การตอบรับของสังคม: เสียงสะท้อนที่แตกต่างกัน

หลังจากที่แคมเปญนี้ถูกเผยแพร่ สังคมไทยได้แสดงปฏิกิริยาหลากหลาย ตั้งแต่ การสนับสนุนที่แข็งแกร่ง ไปจนถึง เสียงวิพากษ์วิจารณ์

🔹 ฝ่ายที่สนับสนุน

• มองว่าเป็นก้าวสำคัญในการ ทำลายข้อห้ามทางเพศในสังคมไทย

• ช่วยให้เกิด บทสนทนาเกี่ยวกับ “Pleasure Gap” ซึ่งเป็นช่องว่างระหว่างความสุขทางเพศของเพศชายและเพศหญิง

• กระตุ้นให้ ผู้ชายใส่ใจเรื่องความสุขของคู่รักมากขึ้น

🔹 ฝ่ายที่คัดค้าน

• มองว่าเนื้อหาของแคมเปญ ค่อนข้างล่อแหลมและอาจไม่เหมาะสมกับบริบทของสังคมไทย

• บางคนเชื่อว่า การเผยแพร่ข้อมูลแบบนี้อาจทำให้เกิดภาพลักษณ์ด้านลบต่อผู้ชาย

อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายเห็นตรงกันว่า แคมเปญนี้ได้กระตุ้นให้เกิดการตระหนักรู้ที่สำคัญ แม้ว่าจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน

ผลกระทบต่อพฤติกรรมผู้บริโภค: แค่ไวรัลหรือเปลี่ยนความคิดคน?

แม้ว่าจะยังเร็วเกินไปที่จะวัดผลกระทบในระยะยาว แต่ Durex ได้ประสบความสำเร็จในแง่ของการสร้างการรับรู้ และ ทำให้ผู้คนเริ่มพูดคุยเรื่อง “ความเสมอภาคทางเพศสัมพันธ์” มากขึ้น

1. เพิ่มความสนใจในผลิตภัณฑ์เพื่อ “ความสุขของผู้หญิง”

• หลังจากแคมเปญนี้ การค้นหาเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์ช่วยเพิ่มความสุขทางเพศของผู้หญิง เช่น เจลหล่อลื่น และเซ็กซ์ทอย เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

2. แบรนด์อื่นเริ่มให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขึ้น

• แคมเปญของ Durex อาจกระตุ้นให้ แบรนด์อื่นๆ ในอุตสาหกรรมสุขภาพทางเพศหันมาให้ความสำคัญกับ “Pleasure Equality” มากขึ้น

3. การพูดคุยเรื่องเพศในสังคมไทยอาจเปลี่ยนไป

• แม้ว่าเรื่องเพศยังคงเป็นหัวข้อที่อ่อนไหว แต่ แนวโน้มการพูดคุยเกี่ยวกับความสุขของผู้หญิง กำลังกลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจมากขึ้น

durex

สรุป: นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงหรือแค่กระแส?

Durex ได้จุดประกาย บทสนทนาเกี่ยวกับ “Pleasure Gap” และกระตุ้นให้ผู้ชายใส่ใจคู่รักมากขึ้น แม้ว่าจะยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าแคมเปญนี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงหรือไม่ แต่สิ่งที่แน่นอนคือ Durex ได้ทำให้ประเด็นที่ถูกซ่อนอยู่ใต้เตียง กลายเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงอย่างเปิดเผย

หากการพูดคุยเกี่ยวกับความสุขของผู้หญิงยังคงดำเนินต่อไป นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในสังคมไทย


FAQs: 60% ของผู้หญิง ‘เสร็จทิพย์’ – Durex เปิดโปงปัญหาที่ผู้ชายต้องรู้!

หมวด 1: ข้อมูลเกี่ยวกับแคมเปญ ALLgasm ของ Durex

Q1: แคมเปญ ALLgasm ของ Durex มีเป้าหมายอะไร?

A1: แคมเปญนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหา Pleasure Gap หรือความไม่สมดุลของความสุขทางเพศระหว่างชายและหญิง พร้อมกระตุ้นให้คู่รักเปิดใจพูดคุยกันเกี่ยวกับความต้องการในความสัมพันธ์

Q2: Durex ใช้วิธีไหนในการสื่อสารแคมเปญนี้?

A2: Durex ใช้กลยุทธ์การตลาดแนว Shock Advertising ผ่าน โปสเตอร์ริมถนน โพสต์บนโซเชียลมีเดีย และสื่อออนไลน์เพื่อทำให้คนทั่วไปหันมาสนใจและพูดถึงประเด็นนี้

หมวด 2: สถิติที่เปิดเผยจากแคมเปญนี้

Q3: สถิติ “60% ของผู้หญิงเสร็จทิพย์” หมายถึงอะไร?

A3: หมายถึง 60% ของผู้หญิงเคยเสแสร้งว่าถึงจุดสุดยอด หรือไม่ได้รู้สึกถึงความสุขสูงสุดจริงๆ ขณะมีเพศสัมพันธ์

Q4: มีสถิติอื่นที่น่าสนใจจากแคมเปญนี้ไหม?

A4: มีหลายสถิติที่สะท้อนปัญหาความสุขของผู้หญิง เช่น

• 51% ของผู้หญิงต้องเสแสร้งว่าฟิน เพราะฝ่ายชายไม่สามารถกระตุ้นได้ดีพอ

• 54% ของผู้หญิงเผยว่า “หล่อเหลา” ไม่ฟินเท่า “หล่อเล้า”

• 13 นาที คือระยะเวลาที่สั้นเกินไปสำหรับผู้หญิงที่จะรู้สึกรัก แต่ยาวพอสำหรับความฟิน

หมวด 3: ทำไมผู้หญิงถึงต้องเสแสร้งถึงจุดสุดยอด?

Q5: อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงต้องเสแสร้ง?

A5: สาเหตุหลักๆ ได้แก่

1. ไม่อยากทำให้ฝ่ายชายเสียความมั่นใจ

2. กลัวบรรยากาศจะเสีย

3. ขาดการสื่อสารเกี่ยวกับความต้องการทางเพศ

4. สังคมยังคงมองว่าเพศหญิงไม่ควรพูดเรื่องนี้อย่างเปิดเผย

Q6: ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้อย่างไร?

A6: การแก้ไขเริ่มจาก การสื่อสารกันมากขึ้น เปิดใจพูดคุยถึงความต้องการและสิ่งที่ทำให้รู้สึกดี รวมถึงให้ฝ่ายชายเรียนรู้วิธีสร้างความสุขให้คู่รักมากขึ้น

หมวด 4: ผลกระทบของแคมเปญนี้ต่อสังคมไทย

Q7: คนไทยมีปฏิกิริยาต่อแคมเปญนี้อย่างไร?

A7: มีทั้งเสียงสนับสนุนและวิจารณ์

• ฝ่ายสนับสนุน มองว่าแคมเปญนี้ช่วยเปิดประเด็นที่ถูกมองข้าม

• ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย มองว่าข้อมูลอาจล่อแหลมเกินไปสำหรับบริบทของสังคมไทย

Q8: แคมเปญนี้ช่วยเปลี่ยนทัศนคติเรื่องเพศในไทยหรือไม่?

A8: แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงจะใช้เวลา แต่แคมเปญนี้ได้จุดประกาย การพูดคุยเกี่ยวกับ “Pleasure Equality” ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยนทัศนคติของคนไทย

หมวด 5: ผลกระทบต่อแบรนด์ Durex และอุตสาหกรรมสุขภาพทางเพศ

Q9: แคมเปญนี้ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของ Durex อย่างไร?

A9: Durex ได้รับความสนใจอย่างมากจากแคมเปญนี้ ซึ่งช่วยสร้างแบรนด์ให้เป็น ผู้นำในการส่งเสริม “Pleasure Equality” แทนที่จะเป็นแค่แบรนด์ถุงยางอนามัยทั่วไป

Q10: มีแนวโน้มที่แบรนด์อื่นจะทำแคมเปญลักษณะนี้หรือไม่?

A10: แบรนด์ในอุตสาหกรรมสุขภาพทางเพศอาจเริ่มให้ความสำคัญกับ การตลาดที่พูดถึง “Pleasure Equality” มากขึ้น เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทั้งสองฝ่าย

เรียบเรียงโดย

sarawut burapapat

สราวุธ บูรพาพัธ

สราวุ​ธ เป็นที่ปรึกษาด้านการสื่อสารให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนหลายแห่ง มีประสบการณ์ด้านการสื่อสารในธุรกิจพลังงาน สินค้าอุปโภคบริโภค ธุรกิจความงาม ธุรกิจบริการ และศูนย์การเรียนรู้ ทั้งในระดับประเทศและนานาชาติกว่า 20 ปี มีความเชี่ยวชาญในการวางแผนการสื่อสารแบบองค์รวม เพื่อสนับสนุนแผนการตลาดหรือสร้างภาพลักษณ์ให้แก่องค์กร รวมทั้ง บริหารจัดการสื่อสารภาวะวิกฤต

จบการศึกษาระดับปริญญาโท และปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *