หลังจากสัปดาห์ที่แล้ว ได้มีการเปิดตัว Galaxy Z Fold4 วันนี้ จะมาสรุปสั้น ๆ ให้ฟังว่ามีอะไรใหม่บ้าง นับได้ 8 ข้อที่สาวกต้องรู้ หรือประกอบการตัดสินใจก่อนซื้อ
Galaxy Z Fold4 ถือได้ว่าเป็นนวัตกรรมสมาร์ทโฟนสุดล้ำ Multi-task ได้ครบ จบทุกเรื่องในเครื่องเดียว
ดีไซน์
- ใหม่! เป็นรุ่นที่บางและเบาที่สุดของ Fold หน้าจอที่กว้างขึ้น 7.6นิ้ว น้ำหนักที่เบาลง เพียง 263 กรัม
- ใหม่! เป็นดีไวซ์รุ่นแรกที่จัดส่งโดยมี Android 12L ติดตั้งไว้แล้วอย่างเสร็จสรรพ โดยเป็นระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชั่นพิเศษที่ Google สร้างขึ้นเพื่อประสบการณ์การใช้งานบนหน้าจอใหญ่ รวมถึงอุปกรณ์แบบพับหน้าจอได้
Multi-Active Windows
- ใหม่! มาพร้อม Taskbar มาในรูปแบบที่คล้ายกับในคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ให้คุณเข้าถึงแอปพลิ เคชันโปรดและแอปพลิเคชันที่ใช้งานบ่อย ทำให้การใช้งานเครื่องนั้น seamless ได้มากขึ้นให้สลับหรือเปิด App ได้ทันที ไม่ต้องเข้าๆ ออกๆ แอปหลายครั้ง อันนี้คือล้ำมาก อย่างเวลาเราเข้าไปในแอปของมือถือทั่วไปต้องเข้าไปในแอปก่อนแล้วก็กดออกมาแล้วก็เข้าแอปใหม่ แต่ Galaxy Z Fold4 ฟีเจอร์ Task Bar นี้จะขึ้นค้างอยู่เลย เราสามารถสลัปแอปขึ้นได้ทันที ง่ายและเร็วมาก
อัพเกรดคุณภาพกล้อง แบบจัดเต็ม
- ใหม่! กล้องคมชัดความละเอียดสูง 50MP มาพร้อมกับ Nightography ถ่ายภาพกลางคืนสวยคมชัด ถ่ายภาพและวีดีโอได้สวยน่าทึ่ง
- ใหม่! เซ็นเซอร์ที่สว่างขึ้นถึง 23% และการประมวลผลที่ทรงพลังยิ่งขึ้น ทำให้ผู้ใช้ถ่ายภาพได้คมชัดสดใสแม้ในเวลากลางคืน
- ใหม่! พร้อมพลังซูม Space Zoom 30เท่า โหมดกล้องถ่ายภาพหลากหลายแบบ ทั้งภาพแสดงการซูม (Zoom Map) ที่ใหญ่ขึ้น
Chipset
- ใหม่! เล็กลงมาจาก 5 นาโนเมตร เหลือ 4 นาโนเมตรและใช้ Snap Dragon รุ่นล่าสุดในตลาด Snapdragon® 8+ Gen 1 Mobile Platform และเทคโนโลยี 5G ที่เร็วเกินพิกัด เป็น Foldable แบรนด์แรกที่ใช้ชิปเซ็ตที่เล็กที่สุด เพียง 4 นาโมเมตร
Battery & Fast Charging
- ใหม่! 4,400 มิลลิแอมป์ และรองรับ Super Fast Charging สามารถชาร์จจาก 0% ถึง 50% ได้ภายใน 30 นาที
ทั้งนี้ Galaxy Z Fold4 เริ่มเปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าได้แล้วตั้งแต่ 10 สิงหาคม – 1 กันยายน 65 และจะวางจำหน่ายตั้งแต่ 2 กันยายน 65 เป็นต้นไป
- Galaxy Z Flip4 Bespoke Edition ราคา 39,900 (256 GB) Galaxy Z Fold4 ราคา 59,900 (256 GB) และราคา 65,900 (512 GB)
สิทธิพิเศษ 5 ต่อ สำหรับผู้ที่สั่งซื้อล่วงหน้าระหว่าง 10 สิงหาคม 65 – 1 กันยายน 65 ที่ samsung.com, Samsung Experience Store และ ร้านค้าที่ร่วมรายการ
ต่อที่ 1: Galaxy Z Fold4 อัพเกรดความจุเป็น 2 เท่าฟรี! มูลค่าสูงสุด 10,000 บาท
ต่อที่ 2: ฟรี ประกันจอ Samsung Care+ 1 ปี เปลี่ยนจอฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ตามมูลค่าคุ้มครอง
ต่อที่ 3: ส่วนลดเพิ่มเติมจากค่าเครื่องที่นำมาแลกอีก 3,000 บาท เมื่อนำสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตมาแลกซื้อ
ต่อที่ 4: ลูกค้านำโค้ดที่ได้จากการลงทะเบียนความสนใจ First to Unfold มาจองจะได้รับฟรี เคส Slim Stand Cover มูลค่า 1,490 บาท เมื่อพรีออเดอร์ Galaxy Z Fold4
ต่อที่ 5: ส่วนลด 30% สำหรับซื้อ Galaxy Watch5 Series เมื่อซื้อในคำสั่งซื้อเดียวกัน
*สินค้าแถมมีจำนวนจำกัด และไม่สามารถเลือกสีได้ เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ samsung.com
สั่งซื้อล่วงหน้าได้ที่ Galaxy Z Fold4 https://smsng.store/PRDigitalUnpacked
ข้อมูลเพิ่มเติม
ซัมซุงเปิดตัวสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้สุดล้ำ Galaxy Z Fold4 มาในรูปลักษณ์ที่ปรับเปลี่ยนได้ตามชอบ รวมถึงมอบประสบการณ์สุดสร้างสรรค์ตามความต้องการของผู้ใช้ได้ พร้อมกับยกระดับประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น Galaxy Z ในเจเนอเรชั่นที่ 4 จะเดินหน้าฉีกกฎเกณฑ์เดิมๆ เพื่อมอบประสบการณ์การใช้สมาร์ทโฟน แบบใหม่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและทำให้ผู้ใช้ใช้ชีวิตในทุกๆ วันได้สนุกยิ่งขึ้น
Galaxy Z Fold4 คือผลลัพธ์จากความมุ่งมั่นของ Samsung Galaxy เพื่อเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างไม่หยุดยั้ง และเป็นสมาร์ทโฟนที่ทรงพลังที่สุดของซัมซุงในปัจจุบัน Galaxy Z Fold4 ผสานความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของซัมซุงเอาไว้ทั้งหมด เพื่อสร้างสรรค์สมาร์ทโฟนที่อัดแน่นฟังก์ชั่นการใช้งานมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะกางเครื่องออก พับปิดเอาไว้ หรือใช้ในโหมด Flex[10] ยิ่งไปกว่านั้น Galaxy Z Fold4 ยังเป็นดีไวซ์รุ่นแรกที่จัดส่งโดยมี Android 12L ติดตั้งไว้แล้ว โดยเป็นระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชั่นพิเศษที่ Google สร้างขึ้นเพื่อประสบการณ์การใช้งานบนหน้าจอใหญ่ รวมถึงอุปกรณ์แบบพับหน้าจอได้
การใช้งานแบบมัลติทาสกิ้งบน Galaxy Z Fold4 ทำได้ง่ายดายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพื่อให้ผู้ใช้งานทำสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้นขณะที่โลดแล่นไปกับทุกวันของชีวิต ทาสก์บาร์ใหม่ (Taskbar)[11]มาในรูปแบบที่คล้ายกับในคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ให้เข้าถึง แอปพลิเคชันโปรดและแอปพลิเคชันที่ใช้งานบ่อย ได้ง่าย นอกจากนี้การใช้งานมัลติทาสกิ้งยังให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้นจากการสั่งงานด้วยท่าทางแบบใหม่ด้วยการปัดหน้าจอ (Swipe Gestures)[12] เปลี่ยนแอปพลิเคชันที่แสดงผลแบบเต็มหน้าจอไปเป็นหน้าต่างป๊อปอัพ หรือแบ่งครึ่งหน้าจอของคุณเพื่อใช้คุณสมบัติมัลติทาส (Multitask) วิธีอื่นๆ อีกมากมาย[13]
การร่วมมือกันระหว่างซัมซุงกับ Google และ Microsoft ได้ยกระดับการใช้งานมัลติทาสกิ้งขึ้นอีกขั้น โดยแอปพลิเคชันต่างๆ ของ Google รวมถึง Chrome และ Gmail ต่างรองรับการลากและวาง (Drag-and-Drop) จึงช่วยให้ผู้ใช้คัดลอกและแปะลิงค์ รูปภาพ และอื่นๆ จากแอปพลิเคชันหนึ่งไปยังอีกแอปพลิเคชันหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว และในการใช้ Google Meet ผู้ใช้ยังสามารถเชื่อมต่อกับผู้คนได้มากขึ้นในขณะที่เพลิดเพลินไปกับกิจกรรมเสมือนจริงต่างๆ รวมถึงการรับชมวิดีโอร่วมกันบน YouTube หรือการเล่นเกมด้วยกันผ่านวิดีโอคอล[14] ในส่วนของ Microsoft แอปพลิเคชัน Office ทั้งชุดและ Outlook ยังสามารถใช้ประโยชน์จากหน้าจอแบบพับได้ โดยแสดงข้อมูลบนหน้าจอได้มากขึ้นและมีวิธีในการสร้างปฏิสัมพันธ์กับคอนเทนต์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเติมเต็มประสบการณ์มัลติทาสกิ้งด้วยฟังก์ชั่นการใช้งาน S Pen[15] จึงช่วยให้ขีดเขียนและจดบันทึกได้แม้ในขณะไม่อยู่ประจำที่ โดยมีที่จัดเก็บเพรียวกระชับอยู่ภายในเคสแบบ Standing Cover with Pen[16]
Galaxy Z Fold4 ถ่ายภาพและวิดีโอได้สวยน่าทึ่ง กับเลนส์มุมกว้างที่ยกระดับสู่ความละเอียด 50 ล้านพิกเซลพร้อมพลังซูม Space Zoom 30 เท่า[17] โหมดกล้องถ่ายภาพหลากหลายแบบ ทั้งภาพแสดงการซูม (Zoom Map) ที่ใหญ่ขึ้นซึ่งเรียกใช้ได้ในโหมด Capture View การดูภาพสองหน้าจอ (Dual Preview) และการถ่ายเซลฟี่ด้วยกล้องหลัง (Rear Cam Selfie) ล้วนได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อใช้จุดเด่นของรูปลักษณ์ที่พิเศษเฉพาะตัวสร้างความความยืดหยุ่นในการถ่ายภาพได้มากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ขนาดพิกเซลที่ใหญ่ขึ้น เซ็นเซอร์ที่สว่างขึ้นถึง 23%[18] และการประมวลผลที่ทรงพลังยิ่งขึ้น ทำให้ผู้ใช้ถ่ายภาพได้คมชัดสดใสแม้ในเวลากลางคืน
คอนเทนต์ต่างๆ ยิ่งดูโดดเด่นเป็นพิเศษบนหน้าจอหลักขนาด 7.6 นิ้ว[19] ด้วยหน้าจอที่สว่างยิ่งขึ้น พร้อมอัตรารีเฟรชหน้าจอ 120Hz แบบปรับเปลี่ยนได้เอง[20] และกล้องใต้หน้าจอ (Under Display Camera – UDC) ที่ซ่อนตัวได้เนียนตายิ่งขึ้นด้วยการจัดเรียงพิกเซลแบบ Scatter-type Sub-pixel รูปแบบใหม่ แอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียยอดฮิต อาทิ Facebook ได้รับการปรับแต่งให้สร้างประสบการณ์บนหน้าจอขนาดใหญ่ได้อย่างเหมาะสมที่สุดเพื่อให้เพลิดเพลินกับคอนเทนต์ได้มากขึ้น หรือหากเปิดแอปพลิเคชันเพื่อบริการความบันเทิงแบบสตรีมมิ่ง เช่น Netflix[21] ก็สามารถใช้โหมด Flex เพื่อรับชมได้โดยไม่ต้องถือเครื่อง ส่วนในแอปพลิเคชันที่ไม่ได้มีการปรับแต่งเพิ่มเติมเป็นพิเศษ ผู้ใช้ยังสามารถใช้ฟีเจอร์ Flex Mode Touchpad[22] ควบคุมอุปกรณ์ได้โดยไม่ขัดจังหวะการรับชมคอนเทนต์อีกด้วย จึงให้ความแม่นยำในการสั่งหยุด เลื่อนย้อนหลัง และเล่นวิดีโอ หรือซูมเข้าและออกคอนเทนท์ในขณะที่อุปกรณ์อยู่ในโหมด Flex
เกมต่างๆ ก็เร็วแรงมากขึ้น ด้วยพลังเหลือเฟือของ Snapdragon® 8+ Gen 1 Mobile Platform และเทคโนโลยี 5G ที่เร็วเกินพิกัด[23] นอกจากบานพับซึ่งเพรียวบางยิ่งขึ้น น้ำหนักที่เบาลง และแม้แต่ขอบจอที่แคบลงแล้ว หน้าจอที่กว้างขึ้นยังทำให้ผู้ใช้สั่งงานโต้ตอบกับเครื่องได้ง่ายขึ้นในขณะที่ใช้หน้าจอด้านนอกโดยใช้มือเพียงข้างเดียว[24]
ซัมซุงเดินหน้าท้าทายจากอุปสรรคบนเส้นทางนวัตกรรมอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อตอบสนองความคาดหวังของผู้บริโภคในด้านความทนทานทั้งภายในและภายนอก โครงสร้าง Armor Aluminum และส่วนปิดบานพับ ตลอดจนกระจก Corning® Gorilla® Glass Victus®+ แบบเอ็กซ์คลูซีฟที่ใช้บนหน้าจอด้านนอกและกระจกด้านหลัง ทำให้ทั้ง Galaxy Z Flip4 และ Z Fold4 กันน้ำได้ในระดับ IPX8[25] ผู้ใช้จึงคลายความกังวลใจได้หากต้องติดอยู่กลางสายฝน
ข้อมูลอ้างอิง
[10] โหมด Flex รองรับการการทำงานเมื่อปรับมุมของเครื่องโทรศัพท์ให้อยู่ในช่วง 75° ถึง 115°
[11] รองรับฟีเจอร์ทาสก์บาร์เมื่อใช้งานบนหน้าจอหลักเท่านั้น
[12] ต้องเปิดใช้งาน Labs ในเมนูการตั้งค่า
[13] บางแอปพลิเคชั่นอาจไม่รองรับฟีเจอร์ Multi Active Window หรือ App Pair
[14] แอปพลิเคชันที่เปิดให้บริการและรองรับการแชร์แบบ Live อาจแตกต่างกันออกไปในแต่ละประเทศและแต่ละอุปกรณ์ ผู้ใช้อาจต้องอัพเดท YouTube และ Google Meet ให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด บางแอปพลิเคชันที่รองรับการแชร์แบบ Live อาจมีเงื่อนไขที่ให้ใช้ได้เฉพาะผู้เป็นสมาชิกบางรูปแบบเท่านั้น
[15] S Pen เป็นอุปกรณ์ที่จำหน่ายแยกต่างหาก Galaxy Z Fold4 รองรับ S Pen เฉพาะหน้าจอหลักเท่านั้น ใช้งานได้กับ S Pen Fold Edition และ S Pen Pro เท่านั้น ส่วน S Pen หรือปากกาสไตลัสรุ่นอื่นๆ ที่ไม่ได้รับการออกแบบสำหรับ Galaxy Z Fold4 (รวมถึงปากกาที่ผลิตโดยผู้ผลิตรายอื่น) อาจทำให้หน้าจอเสียหายได้
[16] S Pen Fold Edition รวมอยู่ในเคสแบบ Standing Cover with Pen ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริมที่จำหน่ายแยกต่างหาก
[17] Space Zoom ที่ให้พลังซูม 30 เท่า ประกอบด้วยออพติคัลซูม 3 เท่า และดิจิทัลซูม 30 เท่า พร้อมด้วยเทคโนโลยี AI Super Resolution ทั้งนี้การซูมเกินกว่า 3 เท่าอาจทำให้คุณภาพของภาพลดลงได้บ้าง
[18] เมื่อเปรียบเทียบกับ Galaxy Z Fold3 5G
[19] เมื่อวัดตามแนวทะแยง หน้าจอของ Galaxy Fold4 จะมีขนาด 7.6 นิ้วโดยการวัดเต็มแนวสี่เหลี่ยมผืนผ้า และจะวัดได้ 7.4 นิ้วหากไม่รวมส่วนโค้งที่มุม ทั้งนี้พื้นที่ที่มองเห็นการแสดงผลจะน้อยกว่าเนื่องจากส่วนโค้งของมุมหน้าจอ
[20] อัตรารีเฟรชหน้าจอจะแตกต่างกันออกไปตามแอปพลิเคชันที่ใช้ และบางแอปพลิเคชันอาจไม่สามารถรองรับอัตรารีเฟรชหน้าจอได้ถึงระดับ 120Hz
[21] ต้องเป็นสมาชิกบริการสตรีมมิ่งของ Netflix
[22] ต้องเปิดใช้งาน Labs ในเมนูการตั้งค่า
[23] ความเร็ว 5G อาจแตกต่างกันออกไปและต้องมีการปรับตั้งค่าเครือข่ายและการเชื่อมต่อให้เหมาะสม (ซึ่งปัจจัยรวมถึงความถี่ แบนด์วิดท์ ความหนาแน่น) โปรดปรึกษาผู้ให้บริการเครือข่ายของท่านในเรื่องการให้บริการ
[24] เมื่อเปรียบเทียบกับ Galaxy Z Fold3 5G
[25] ระดับ IPX8 อ้างอิงถึงสภาวะการทดสอบให้จมอยู่ในน้ำจืดความลึกไม่เกิน 1.5 เมตรเป็นเวลาไม่เกิน 30 นาที ทั้งนี้ไม่แนะนำให้ใช้ในกิจกรรมชายหาดและในสระว่ายน้ำ และอุปกรณ์ไม่ป้องกันฝุ่น